Custom Search

คนที่ฉลาดที่สุดในโลก

คนนี้เป็นคนที่ได้รับฉายาว่าเป็นนักวิทยาศาตร์ที่เก่งที่สุดในโลกต่อจาก ไอซ์สไต เลยทีเดียว
เขาชื่อ สตีเฟ่น ฮอว์กิ้ง

"ฮอว์กิง" พลิกแนวคิดเรื่อง "หลุมดำ" ที่เชื่อมากว่า 30 ปี

สตีเฟน ฮอว์กิง นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เจ้าของทฤษฎีหลุมดำที่มีผู้เชื่อถือมากที่สุดในตอนนี้ กลับออกมาเผยข้อค้นพบใหม่ว่าตัวเขาคิดผิด
เอพี/รอยเตอร์ - " สตีเฟน ฮอว์กิง" เจ้าของทฤษฎี "หลุมดำ" ยอมรับสิ่งที่คิดมาตลอด 30 ปีเกี่ยวกับ“หลุมดำ” นั้นผิด หลังพบว่ามีบางอย่างสามารถเล็ดลอดออกมาได้แทนที่จะหายสูญเหมือนอย่างที่เคย ยืนยันมาตลอด ดังนั้นช่องทางย้อนอดีตของดาว และการทำนายอนาคตของจักรวาลจึงสว่างขึ้น

สตีเฟน ฮอว์กิง นักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ดาราศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เจ้าของผลงาน “ประวัติย่อของกาลเวลา” หรือ “A Brief History of Time” หนังสืออธิบายทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ว่าด้วยความเป็นไปของกาลเวลาและอวกาศ พร้อมทั้งภาวการณ์ทางฟิสิกส์ของ "หลุมดำ" ที่เชื่อถือกันมากที่สุดในโลกเวลานี้ เปิดเผยว่า ทั้งเขาและนักวิทยาศาสตร์อื่นๆ ต่างคิดผิดในเรื่องของหลุมดำ เพราะแท้ที่จริงแล้วหลุมดำได้อนุญาตให้ข้อมูลผ่านไปได้

“ผมได้คิดถึงปัญหานี้มากว่า 30 ปี และตอนนี้ก็สามารถหาคำตอบให้ได้แล้ว” ฮอว์กิงเปิดเผยเป็นครั้งแรกผ่านรายการนิวส์ไนท์ของสถานีโทรทัศน์บีบีซี เมื่อค่ำวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า “หลุม ดำสามารถปรากฏตัวเป็นรูปร่าง แต่ต่อมาก็จะเปิดเผยและปลดปล่อยข้อมูลออกมาว่ามีอะไรตกไปข้างในบ้าง นั่นจะทำให้เรามั่นใจได้ว่าอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างไร อีกทั้งยังสามารถทำนายอนาคตได้อีกด้วย”

ภาพจำลองหลุมดำที่ดูดทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเข้าไป และตามความคิดเดิมของฮอว์กิงคือไม่ยอมให้อะไรผ่านออกมาได้แม้แต่แสง
“หลุมดำ” หรือ Black Hole อาจเปรียบเสมือนดาวฤกษ์ที่ตายแล้ว ดาวที่จะกลายเป็นหลุมดำนั้นคือ ดาวที่มีแสงสว่างในตัวเอง เช่น ดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นก้อนก๊าซร้อนๆ ที่ลอยเคว้งคว้างอยู่ในอวกาศ โดยมีไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นองค์ประกอบหลัก พลังงานที่เราได้รับจากดวงอาทิตย์นั้น เกิดจากปฏิกริยานิวเคลียร์ที่ในแกนกลางของดาวและปฏิกริยานิวเคลียร์ที่ว่า นี้นอกจากจะให้แสงสว่างแล้ว ยังทำให้เกิดแรงดันมหาศาลจากภายในดาวซึ่งจะทำหน้าที่พยุงไม่ให้ดาวทั้งดวง เกิดการยุบตัวลง

ทั้งนี้ เมื่อเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่มีอยู่ถูกเผาใหม้หมดไปดาวจะเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ที่เรียกว่า "ซุปเปอร์โนวา" (Supernova) ผิวนอกของดาวจะระเบิดตัวกระจายอยู่รอบๆ ส่วนแกนกลางของดาวจะยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว การยุบตัวนี้จะทำให้ดาวกลายสภาพเป็นหลุมดำได้ก็ต่อเมื่อดาวมีมวลมากขึ้นไป อีกเกินกว่าขีดจำกัด จนทำให้ดาวยุบตัวเองจนกลายเป็นจุดที่มีความหนาแน่นเป็นอนันต์ และเมื่อนั้นก็จะเกิดหลุมดำ ดาวดวงนั้นก็จะหายวับไปจากอวกาศ

เดิมทีนักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าหลุมดำจะดูดทุกสรรพสิ่งเข้าไปโดยไม่ปลดปล่อยสิ่งใดออกมาเลยแม้แต่แสง อันเนื่องจากฮอว์กิงได้ปฏิวัติความคิดเรื่องการเกิดหลุมดำเมื่อปี 1976 ด้วยการแสดงผลการศึกษาที่ชี้ชัดว่า ด้วยทฤษฎีกลศาสตร์ควอนตัมว่า ทันทีที่หลุมดำก่อตัวขึ้นก็จะเริ่มปลดปล่อยพลังงานและมวลสารทั้งหลายออกมา ด้วยการ "ระเหิด" ฟุ้งกระจายไปทั่ว ฮอว์กิงสรุปไว้ในตอนนั้นว่า พลังงานและสสารที่ถูกปลดปล่อยออกมาจะไม่มี "ข้อมูล" ที่อาจบ่งชี้ถึงการเกิดและดับสูญของดวงดาวได้

“หลายๆ ต่อหลายคนก็ยังเชื่อว่ามีข้อมูลบางอย่างหลุดรอดออกมาจากหลุมดำได้ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะออกมาได้อย่างไร” ฮอว์กิงกล่าว ก่อนที่จะประกาศ ว่าเขาสามารถไขปริศนาข้อนี้ได้แล้ว และเตรียมนำเสนอรายละเอียดเพื่ออธิบายเรื่องนี้ในที่ประชุมนานาชาติว่าด้วย ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปและแรงโน้มถ่วง ในวันที่ 21 ก.ค. ณ กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์

อย่างไรก็ดี เมื่อฮอว์กิงพิสูจน์ความเป็นจริงข้อนี้ได้ ก็จะทำให้แนวความคิดเดิมของเขาผิดพลาดโดยสิ้นเชิง และจะทำให้คิป ธอร์น นักทฤษฎีฟิสิกส์จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย ที่สนับสนุนทฤษฎีของฮอว์กิง แพ้เดิมพันจอห์น เพรสกิลล์ เพื่อนนักฟิสิกส์ร่วมสถาบันที่ค้านทฤษฎีนี้ นอกจากนั้นยังเป็นการเปิดทางไปสู่การไขปริศนาสำคัญเรื่องการเกิดและทำนายการ แตกดับของจักรวาลได้อีกด้วย

สตีเฟน ฮอว์กิง นักคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชาวอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 62 ปี ได้รับการยกย่องในวงการวิทยาศาสตร์ว่า เป็นนักทฤษฎีฟิสิกส์ที่ปราดเปรื่องที่สุดนับตั้งแต่ยุคของไอน์สไตน์ โดยใช้ชีวิตช่วง 30 ปีหลังศึกษาเกี่ยวกับหลุมดำโดยเฉพาะ เพื่อไขปริศนาของจักรวาล โดยได้เขียนหนังสือด้านวิทยาศาสตร์หลายเล่ม ซึ่งนอกจากเรื่อง “ประวัติย่อของกาลเวลา” จะเป็นเพชรน้ำเอกในวงการฟิสิกส์แล้ว เขายังมีหนังสือเด็ดอีก 2 เล่มนั่นก็คือ “Black Hole and Baby Universe” และ “จักรวาลในเปลือกนัท” (The Universe in a Nutshell)

0 ความคิดเห็น: