Custom Search

สำคัญที่ตัวเรา

ขอยืมเขามานะครับ เห็นว่าน่าอ่านดีเลยเอามาให้อ่านลองอ่านดูครับ
ต้องขอขอบคุณที่นี่ครับ

ถ้าถามว่าอยากเป็น...คนสำคัญ สำหรับคนอื่นไหม?
บางคนอาจตอบว่า...อยาก
บางคนอาจตอบว่า...ไม่แน่ใจ
แต่ส่วนลึกในใจของทุกคน
ก็คงอยากให้ตัวเองเป็น...คนสำคัญ
อยากให้คนรอบข้างใส่ใจดูแล
อยากให้ใครต่อใครยกย่องให้เกียรติ
อยากมีความหมายในสายตาของใครต่อใคร
และเพราะความอยากเป็นคนสำคัญนี่แหละ
ที่ทำให้หลายๆคน...ทำทุกวิถีทาง
เพื่อให้ตัวเองเป็นคนสำคัญ
โดยหวังว่าตัวเองจะมีคุณค่าในความรู้สึกของคนอื่นๆ
จนบางครั้งก็ลืมนึกไปว่า
ยิ่งพยายามนำเสนอว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ
ยิ่งทำตัวเด่นหรือเรียกร้องความสนใจ
เราก็จะยิ่งไม่มีความสำคัญสำหรับใครเลย
เพราะโดยปกติแล้ว
มักไม่มีใครให้ความสำคัญ
กับคนที่พยายามยกตัวเองให้สำคัญ

ก่อนที่เราจะคิดน้อยเนื้อต่ำใจ
ว่าใครๆ ก็ไม่เห็นความสำคัญของเรา
เราควรหันมาทำความเข้าใจเสียก่อนว่า...
การที่ใครจะให้ความสำคัญกับใครมากน้อยขนาดไหน
ขึ้นอยู่กับเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน
ทั้งวาระโอกาส...สถานการณ์...เหตุผลส่วนตัว...ฯลฯ
เราจึงไม่ควรสำคัญตัวเองผิด
ว่าเราคือบุคลพิเศษอันดับหนึ่งที่ใครๆ ต้องนึกถึง
หรือคิดว่าเราเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทุกคน
เพราะเราก็เป็นเพียงคนๆ หนึ่ง
ที่อาจมีความสำคัญกับบางคนในบางเวลา
และอาจไม่ใช่คนสำคัญอะไรนักสำหรับบางคนในบางครั้ง
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาอย่างยิ่ง
เราไม่สามารถเป็นคนสำคัญ
ที่อยู่ในสายตาของทุกคนในทุกเรื่อง
หากเรามองเห็นความจริงในจุดนี้
เราจะไม่เดือดดาล เวลาที่ใครไม่ให้ความสำคัญกับเรา

ถ้าเราห่วงแต่ว่าจะมีใครเห็นความสำคัญของเราหรือเปล่า
นั่นแปลว่า...
เราไม่เห็นว่าตัวเองมีคุณค่ามาตั้งแต่แรก
จึงต้องรอให้คนอื่นชื่นชม
รอให้คนอื่นเห็นความสำคัญ
แต่ถ้าเราแน่ใจว่าตัวเรามีความสำคัญ
และมั่นใจว่าเรามีคุณค่าพอตัว
เราก็ไม่จำเป็นต้องสนใจว่า...
ใครจะเห็นความสำคัญของเราหรือไม่
หากใครเห็นเราสำคัญ...เราก็น้อมรับ
แต่ถ้าใครไม่เห็นเราสำคัญ...เราก็ยอมรับ
ก็แค่นั้นเอง...
สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญมากกว่า
คือเราต้องให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเอง
ไม่ใช่รอให้คนอื่นมายกความสำคัญให้เรา
ชีวิตมีเรื่องสำคัญที่เราต้องคิดต้องทำอีกมากมาย
เราควรทำชีวิตให้สำคัญมากขึ้นด้วยตัวของเราเอง
ไม่ควรปล่อยให้ชีวิตหมดความหมายเพราะคนอื่น

หากเรายังรักตัวเองและเห็นว่าชีวิตเป็นเรื่องสำคัญ
เราก็ควรรีบเร่งทำสิ่งดีๆ ให้กับชีวิต
และเพิ่มเติมความงดงามให้กับจิตใจ
เพื่อให้ชีวิตมีความสำคัญสำหรับเราทุกวัน

ขอให้นึกไว้เสมอว่า...
ชีวิต...สำคัญที่ใจ
คุณค่าที่แท้จริงแห่งตัวตนอยู่ที่ตัวเราเอง
ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะมองเห็นค่าในตัวเราหรือไม่
สำคัญที่ว่าเรามองเห็นค่าของตัวเอง
และรู้ว่าชีวิตเราสำคัญสำหรับเรา

หลุมใหญ่ขนาดมหึมาที่สุดในโลก 3

แต่ก็มีเรื่องสยองๆ อยู่เหมือนกันตรงที่
มีเฮริคอปเตอร์ตกลงไปหลายลำแล้ว
3d-animation-002.gif
helico.gif

pic19665.jpg

เพราะ มีแรงดึงดูดที่หลุมนี้ จนต้องประกาศห้ามทำการบินเหนือหลุมนี้เด็ดขาด เพราะว่าอากาศภายในหลุมค่อนข้างแปรปรวนได้ตลอดเวลา ส่วนเหมืองนี้จะจุเพชรได้กี่กระรัต กี่ตัน อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ที่แน่ๆ ลองๆ ไปเดินใกล้ๆ แล้วก้มๆ มองๆ
หาเพชรดูแล้วกัน เผื่อมีหลุดรอดออกมาบ้างครับ.

pic24910.jpg

กลับไปอ่านเริ่มต้นเรื่องใหม่
หน้าที่ 2 ของเรื่อง

หลุมใหญ่ขนาดมหึมาที่สุดในโลก 2

หลุมขนาดใหญ่มหึมานี้ ตั้งอยู่ในเขต Eastern
Siberia ใกล้ๆ กับเมือง Mirna โดยเหมืองเพชรนี้

มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 1.25 กิโลเมตร ลึกถึง
525 เมตร เลยทีเดียว ถ้าดูจากภาพบนที่มีลูกศรชี้
เอาไว้นั่นคือรถบรรทุกขนาดยักษ์ที่ใช้ในเหมือง ขนาดเป็นรถ Big Foot แล้วนะ รถยังแทบมองไม่เห็นเลย


หลุมใหญ่ขนาดมหึมาที่สุดในโลก 1

หลุมใหญ่ขนาดมหึมาที่สุดในโลก
ไม่ต้องงงนะครับว่าหลุมนี้โดนระเบิดนิวเคลียร์มาหรือเปล่า ต้องขอบอกว่ามันไม่ใช่ แต่มันคือ...
เหมืองเพชรของประเทศรัสเซียนั่นเอง

ช่วงเวลาใดที่ผมยาวได้เร็วที่สุด ? (คำตอบ)

คำตอบ คือ

ก. เวลา 10 - 11 โมงเช้า ผมจะยาวเร็วมากเวลาบ่าย 4 - 6 โมงเย็นผมก็ยาวได้เร็วเช่นกัน ส่วนตอนกลางคืนผมจะยาวได้น้อยและช้า

ทบทวนคำถามใหม่

ช่วงเวลาใดที่ผมยาวได้เร็วที่สุด ?

ช่วงเวลาใดที่ผมยาวได้เร็วที่สุด ?

ก. กลางวัน
ข. กลางคืน

เฉลย

เรื่องของหมีขั้วโลก


หมีขั้วโลก

หมีขั้วโลก (Polar Bear) จัดอยู่ในไฟลัมสัตว์มีแกนสันหลัง ชั้นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นนักล่าแห่งดินแดนขั้วโลกเหนือที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพชีวิตกลางน้ำแข็ง ธรรมชาติสร้างให้หมีขาวแตกต่างจากหมีพันธุ์อื่น คือ มีขนคลุมอุ้งเท้า นิ้วเท้าสั้น เล็บโค้งงอเพื่อ ให้ยึดน้ำแข็งได้อย่างมั่นคง ในขณะเดียวกันก็มีท่อนขาขนาดใหญ่เพื่อเฉลี่ยน้ำหนักมหาศาล เพื่อสามารถเดินบนน้ำแข็งบางๆ ได้

หมีขั้วโลก ตัวผู้หนักถึง 775-1,500 ปอนด์ ส่วนตัวเมียหนัก 330-500 ปอนด์ มีถิ่นที่อยู่บริเวณอาร์กติก ขั้วโลกเหนือ แต่ไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน พบในอลาสกา แคนาดา รัสเซีย เดนมาร์ก (กรีนแลนด์) และนอร์เวย์ เป็นสัตว์สปีชีส์หนึ่งของโลกที่กำลังถูกคุกคาม ปัจจุบันหมีขั้วโลกมีจำนวนประมาณ 22,000-27,000 ตัว อยู่ในแคนาดามากที่สุดคือราว 15,000 ตัว ซึ่งการดำรงชีวิตให้อยู่รอดในแถบอาร์กติกที่มีอุณหภูมิหนาวเย็น ทำให้สัตว์หลายๆ ชนิดใช้เวลายาวนานในการวิวัฒนาการจนมีขนสีขาว หรือเปลี่ยนสีขนในฤดูหนาวจนกลมกลืนกับหิมะ ซึ่งเป็นการพรางตัวที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต และหาอาหาร ดังเช่นกระต่ายป่าสีขาว (white hare) , นกนางนวลอาร์กติก (Arctictern) , ตัววีเซล (weasel) , ตัวเลมมิง (lemming) , หมาจิ้งจอกอาร์กติก (Arctic fox) โดยเฉพาะหมีขั้วโลก (polar bear) ที่ใช้เวลาประมาณ 2 แสนปี พัฒนา และมีวิวัฒนาการจากหมีสีน้ำตาลมาเป็นหมีขาวในทุกวันนี้

http://gotoknow.org/file/sasinanda/Polarbear.jpg

หมีขั้วโลก

คำตอบ คือ

ข้อ ข . อุ้งเท้าของหมีขั้วโลกเหนือนั้นมีขนที่หนาและแน่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างตัวมันกับน้ำแข็ง ดังนั้นแม้จะวิ่งเล่นอยู่บนน้ำแข็งที่ลื่นแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวหกล้ม

ทบทวนคำถามใหม่

อ่านเรื่องหมีขั้วโลก

ทำไมหมีขั้วโลกเิดินบนน้ำแข็งได้โดยไม่ลื่นล้ม ?

ทำไมหมีขั้วโลกเิดินบนน้ำแข็งได้โดยไม่ลื่นล้ม ?

ก. อุ้งเท้าของหมีทั้งแหลมและคมทำให้ยึดเกาะน้ำแข็งได้ดี
ข.อุ้งเท้าของหมีมีขนเต็มไปหมดช่วยเพิ่มแรงเสียดทานตอนเดิน

คุณคิดว่าเป็นข้อไหน

ดูเฉลย

เก้าคำกำกวมของผู้หญิง (Nine words women use)

1. ดี ,โอเค : คำนี้ผู้หญิงใช้ปิดการโต้เถียง ตอนที่เธอมั่นใจว่าเป็นฝ่ายถูก และคุณต้องหุบปากซะ

2. ห้านาทีนะ : ถ้าหล่อนกำลังแต่งตัว นี่จะหมายถึงชั่วโมงครึ่ง แต่ห้านาทีก็คือห้านาที ถ้าเธอเพิ่งยอม

ให้คุณดูบอลต่ออีกห้านาทีแล้วค่อยไป ช่วยเธอทำงานบ้าน

3. ไม่มีไร : นี่คือความสงบก่อนพายุจะเข้า มันแปลว่า "มีอะไร" แน่ ๆ ขอให้เตรียมตัวได้เลย

การโต้เถียงที่เริ่มด้วย "ไม่มีไร" มักจะไปจบลงที่ "ดี ,โอเค"

4. ก็เอาดิ ,เอาเลย : นี่เป็นคำท้า ไม่ใช่คำอนุญาต อย่าทะลึ่งทำเป็นอันขาด !

5. ทำเสียง ชิ ,ฮึ ,จึ๊ ฯลฯ ออกมาดัง ๆ : มัน มีความหมายแน่นอน แต่ภาษามักทำผู้ชายเข้าใจผิด

เสียงพวกนี้หมายความว่า เธอกำลังคิดว่าคุณ แม่งซื่อบื้อเหลือทน และไม่เข้าใจว่าจะมาเสียเวลา

ยืนเถียงกับคุณเรื่อง "ไม่มีไร" แบบนี้ทำไม (กลับไปดู "ไม่มีไร" ที่ข้อ 3)

6. ไม่เป็นไร : นี่คือสถานะอันตรายสุด ๆ ที่ผู้หญิงจะมีต่อผู้ชายแล้ว "ไม่เป็นไร" แปลว่า เธอต้องคิด

ดูก่อนอย่างนานและอย่างหนักว่า คุณต้องชดใช้อะไร อย่างไร และเมื่อไหร่ ในความผิดที่คุณก่อไว้

7. ขอบคุณ : ถ้าผู้หญิงขอบคุณ อย่ามีคำถาม อย่ามัวทำเฉย ตอบรับคำเขาไปดี ๆ

(แต่ขอเพิ่มหน่อยว่า ถ้าผู้หญิงพูดว่า "ขอบคุณมาก" อันนี้ประชดเต็มดอก เธอไม่ได้ขอบคุณอะไรเลย

อย่าได้ทะลึ่งตอบรับ ไม่งั้นคุณจะเจอกับ "เออ เอาเหอะ")

8. เออ เอาเหอะ : เป็นวิธีที่เจ้าหล่อนจะพูดกับคุณว่า ไอ้เหี้ย !

9. อย่าห่วงเลย ,อือ เข้าใจละ : อีกหนึ่งสถานะอันตราย หมายความว่า นี่คือบางอย่างที่เธอบอกให้คุณ

ทำมาหลายครั้งละ แต่คราวนี้เธอจะทำเอง ซึ่งเดี๋ยวคุณก็จะถามว่า "เป็นไรอะ" แล้วคุณก็จะเจอกับข้อ 3.




ปล. - ส่งให้ผู้ชายทุกคนที่คุณรู้จัก เขาจะได้เลี่ยงอันตรายจากการโต้เถียง ถ้าเขาจำความหมายเหล่านี้ได้.

- ส่งให้ผู้หญิงทุกคนที่คุณรู้จัก เธอต้องฮาแน่ ๆ เพราะเธอรู้ว่ามันจริงทั้งนั้น !!

ภาพดวงอาทิตย์

มาดูกัน

ใครเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัย

ที่มา
http://moviestom.com/forum/upload/viewthread.php?tid=331

นายแพทย์กาเบ่รียล ฟอโลปิอุส ผู้เชี่ยวชาญด้านกายวิภาคชาวอิตาเลียน คือผู้ที่ได้รับการยกย่องวาเป็น “บิดาแห่งถุงยางอนามัย”ฉายานี้ออกจะผิดยุค สมัยไปบ้าง เนื่องจากคำว่า “ถุงยางอนามัย” หรือ “condom”นั้นยังไม่เกิดขึ้นเลยในช่วงชีวิตของฟอโลปิอุส


ศาสตราจารย์แห่งภาควิชากายวิภาคมหาวิทยาลัยปาดัวผู้นี้เป็นบุคคลแรกที่ได้ บรรยายถึงลักษณะและการทำงานของท่อเรียวยาว ๒ ท่อในช่องท้องของสตรีว่ามีหน้าที่ลำเลียงไข่จากรังไข่ไปยังมดลูก ในปี ค.ศ. ๑๕๕๑ ฟอโลปิอุสได้ออกแบบปลอกสวมองคชาต ทำจากผ้าลินิน ต่อมาไม่นานนักปลอกผ้านี้ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นสำหรับบุรุษที่ขริบ ปลายอวัยวะเพศความยาวมาตรฐานของปลอกผ้าคือ ๘ นิ้วเวลาสวมต้องผูกเข้ากับโคนองคชาตด้วยโบสีชมพูสันนิษฐานว่าเพื่อให้ยวนใจ สตรีเพศ


นายแพทย์ฟอโลปิอุสทดสอบสิ่งประดิษฐ์ของเขากับผู้ชาย ๑,๐๐๐ คน ตามรายงานของคุณหมอเองปรากฏว่า การทดสอบประสบผลสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ปลอกสวมองคชาตนี้ไม่มีชื่ออย่างเป็น ทางการ แต่นิยมเรียกกันอย่างสุภาพว่า “เสื้อคลุม” (overcoat)


แรกเริ่มเดิมทีที่ฟอโลปิอุสคิดประดิษฐ์เสื้อคลุมขึ้น มิได้มีจุดประสงค์เพื่อเป็นเครื่องมือคุมกำเนิด แต่ตั้งใจจะให้เป็นเครื่องป้องกันการติดเชื้อกามโรคซึ่งกำลังแพร่กระจายอยู่ ทั่วไปในเวลานั้นจากการระบาดของกามโรคในทวีปยุโรปในช่วงศตวรรษที่ ๑๖ นี้เองทำให้นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าพวกกะลาสีเรือซึ่งเดินทางรอนแรมไปจน ถึงโลกใหม่คือผู้นำเชื้อแบคทีเรียของโรคซิฟิลิสไปแพร่แก่ชาวอินเดียนแดง ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของทวีปอเมริกา


นอกเหนือจากผ้าลินินแล้ว ปลอกอนามัยของศตวรรษที่ ๑๖ ยังทำขึ้นจากลำไส้ของสัตว์ และเยื่อพังผืดของปลาเนื่องจากความหนาของปลอกอนามัยลดทอนความพึงพอใจจากการ มีเพศสัมพันธ์ประกอบกับไม่ช่วยป้องกันการติดโรคได้เสมอไปนัก เพราะใช้ไม่ถูกวิธีหรือใช้ซ้ำโดยไม่ล้างทำความสะอาดก่อนปลอกอนามัยของฟอโลปิ อุสจึงไม่ได้รับความนิยมในหมู่บุรุษเพศเลยทั้งยังถูกมองอย่างเยาะหยันเสีย ด้วยซ้ำ


“เสื้อคลุม” ของฟอโลปิอุส ได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ถุงยางอนามัย” ได้อย่างไร ตำนานเล่าว่า คำว่า“คอนดอม"หรือถุงยางอนามัยมาจากชื่อของท่านเอิร์ลแห่งคอนดอมแพทย์ประจำ พระองค์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๒ความเป็นนักเลงเจ้าชู้ของกษัตริย์องค์นี้เป็นที่ลือเลื่องในยุคนั้นพระองค์ ทรงมีสนมมากมายนับไม่ถ้วน ถึงแม้ไม่ทรงมีรัชทายาทถูกต้องตามกฎหมายแม้แต่พระองค์เดียว แต่พระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๒ ก็ทรงมีโอรสธิดานอกกฎหมายอยู่ทั่วราชอาณาจักร


ดอกเตอร์คอนดอมได้รับการขอร้องให้ช่วยหาหนทางป้องกันพระมหากษัตริย์นักรัก จากโรคซิฟิลิส วิธีป้องกันของคอนดอม คือปลอกอนามัยจากลำไส้แกะที่ยืดเหยียดออกและชโลมน้ำมัน(ไม่มีการบ่งชี้ว่า คอนดอมทราบถึงสิ่งประดิษฐ์ของฟอโลปิอุส เมื่อร้อยปีก่อนหรือไม่เล่ากันว่าตลอดช่วงชีวิตของแพทย์ประจำพระองค์ผู้นี้ เขาไม่ประสงค์ให้เรียกปลอกอนามัยที่คิดประดิษฐ์ขึ้นตามชื่อของเขา) การณ์ปรากฏว่าปลอกอนามัยของดอกเตอร์คอนดอมได้รับความสนใจจากบรรดาขุนนางใน ราชสำนักซึ่งนิยมใช้สิ่งประดิษฐ์ใหม่นี้เพื่อป้องกันการติดเชื้อกามโรค


ความจริงที่ว่าผู้ชายออกจะกลัวโรคติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์มากกว่ากลัว การให้กำเนิดลูกนอกกฎหมาย ปรากฏชัดแจ้งในคำนิยามของคำว่า“คอนดอม” ตาม พจนานุกรมหลายฉบับในศตวรรษที่ ๑๗ และ ๑๘ ตัวอย่างหนึ่งในพจนานุกรมคำหยาบ ตีพิมพ์ในกรุงลอนดอน เมื่อ ปี ค.ศ. ๑๗๘๕ ให้


นิยามถุงยางอนามัยไว้ ดังนี้ “ไส้แกะตากแห้ง สวมโดยบุรุษในระหว่างร่วมเพศ เพื่อป้องกันการติดเชื้อกามโรค” คำนิยามมีต่อไปอีกหลายประโยค แต่ไม่มีข้อความใดเลยที่กล่าวถึงการคุมกำเนิด เพิ่งมาในศตวรรษที่ ๒๐นี้เองเมื่อยาเพนนิซิลินช่วยคลายความหวาดกลัวของผู้ชายต่อโรคซิฟิลิส ถุงยางอนามัยจึงถือเป็นเครื่องป้องกันการตั้งครรภ์อย่างแท้จริง


ถุงยางอนามัยทำจากยางแข็ง กำเนิดขึ้นในราวปี ค.ศ. ๑๘๗๐คนในเวลานั้นนิยมเรียกกันว่า “ยาง” (Rubber)ถุงยางชนิดนี้ยังไม่บางเป็นแผ่นฟิลม์ ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อโรคและไม่ใช่แบบใช้แล้วทิ้ง ผู้ใช้ได้รับคำแนะนำให้ล้าง “ยาง”ของเขาก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์และเขาสามารถใช้มันซ้ำแล้วซ้ำอีกจน กว่าจะมีรอยปริ หรือฉีกขาดแม้ว่าถุงยางชนิดนี้มีประสิทธิภาพดีและใช้สะดวกขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมอยู่ดี โดยถูกตั้งข้อรังเกียจว่าทำให้การร่วมเพศหมดรสชาติขาดความเร้าใจ ส่วนถุงยางสมัยใหม่ทำขึ้นจากยางสังเคราะห์แบบที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันกำเนิด ขึ้นเมื่อ ๖๐ ปีมานี้เอง

ดอกไม้ประจำวันเกิด

ที่มานะครับเห็นว่าน่าสนใจดีก็เลยเอามาให้อ่านกันครับ ต้องขอบคุณด้วยครับ
http://share.psu.ac.th/blog/comment2u/11627

ดอกไม้ประจำวันเกิด
ใครเกิดวันไหน...ดอกอารายประจำวันเกิด...
สมัย โบราณเชื่อกันไว้ว่า ในแต่ละวันจะมีต้นไม้และดอกไม้ประจำวัน ซึ่งเชื่อกันว่า หากใครที่ปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ประจำวันเกิด แล้วต้นไม้หรือดอกไม้เจริญเติบโตได้ดี ชีวิตก็จะก้าวหน้า ร่างกายแข็งแรงหรือถ้าออกดอกเบ่งบาน เชื่อกันว่าจะมีความสุขความสมหวังเสมอ ตรงกันข้าม หากดอกไม้หรือต้นไม้เกิดเฉาลงก็จะเป็นลางเตือนเจ้าของต้นไม้ ดอกไม้ได้เหมือนกัน หากว่าเธอคนนั้นเกิดวัน...

เธอที่เกิดวันอาทิตย์

ต้นไม้ ประจำวันเกิดเป็น ต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิดเป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือลัน เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย


เธอที่เกิดวันจันทร์

ต้นไม้ ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี ดอกไม้ประจำวันเกิดคือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน เพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน


เธอที่เกิดวันอังคาร

ต้นไม้ ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุขดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้


เธอที่เกิดวันพุธ

ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร
ดัง นั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพดอกไม้ประจำวันเกิดคือ คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน


เธอที่เกิดวันพฤหัสบดี

เธอ ที่เกิดวันนี้ มีต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวานเธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ


เธอที่เกิดวันศุกร์

ต้นไม้ ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน ส่วนดอกไม้ที่ถูกแลกโชคดีของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือหรือจะเป็น ดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ"คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง


เธอที่เกิดวันเสาร์

จะ มีต้นไม้พวก ตันกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด และดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว

http://share.psu.ac.th/blog/comment2u/11627

รหัสผ่านยอดฮิต

ที่มาจาก http://www.arip.co.th/articles.php?id=407315

รณรงค์กันไม่รู้กี่รอบ แต่ดูเหมือนว่าผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ค่อยให้ความสนใจกับเรื่องรหัสผ่านสักเท่าไร ทั้งที่ความจริงเป็นเรื่องที่ควรสนใจมากที่สุด

เว็บไซต์ ส่วนใหญ่กำหนดให้ผู้ใช้ตั้งรหัสผ่านให้ปลอดภัยโดยอิงจากจำนวนอักษรเป็นหลัก ซึ่งไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไร เพราะมีการเอาข้อความง่ายๆ มาใช้ หลายครั้งมีการแจ้งเตือนให้ทราบว่ารหัสผ่านที่ตั้งเอาไว้นั้นช่างเดาง่าย เสียเหลือเกิน แต่ผู้ใช้จำนวนมากก็ไม่สนใจ

และนั่นเป็นที่มาของการ เก็บสถิติรวบรวมเอารหัสผ่านกว่า 28,000 รายการที่ถูกขโมยจากเว็บไซต์ในสหรัฐฯ มาวิเคราะห์ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้เชื่อว่าไม่ต่างจากนิสัยคนไทยซักเท่าไรตามที่ได้เคยสอบถาม คนรู้จักหลายๆ คน

ลองมาดูกันว่า รหัสผ่านยอดฮิตที่คนส่วนใหญ่ตั้งกันนั้น .. เดาได้ง่ายขนาดไหน

  • 16 เปอร์เซ็นต์: ใช้ชื่อของตัวเองเป็นรหัสผ่าน บางทีก็อาจเปลี่ยนเป็นชื่อของลูกๆ หรือคนใกล้ชิดในครอบครัว เช่น สามี หรือภรรยา เป็นต้น
  • 14 เปอร์เซ็นต์: ใช้รหัสผ่านแบบชุดแป้นพิมพ์ที่ติดกัน เช่น 1234, 123456, 1234567 หรือ qwerty เป็นต้น
  • 5 เปอร์เซ็นต์: ใช้ชื่อดาราหรือตัวการ์ตูนโปรดมาแทนรหัสผ่าน
  • 4 เปอร์เซ็นต์: คนที่เรียบง่ายเหล่านี้ใช้รหัสผ่านว่า password -- ตรงความหมายดี
  • 3 เปอร์เซ็นต์: ใช้ถ้อยคำแสดงอารมณ์ความรู้สึก เช่น whatever, yes, no, iloveyou, ihateyou เป็นต้น

สรุป แล้ว 42 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้น ใช้รหัสผ่านที่ไม่ปลอดภัย และเดาได้ง่ายมาก ซึ่งจะนำพาไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการขโมยข้อมูล หรือสร้างความเสียหายด้านการเงินจากแฮกเกอร์ที่ต้องการรหัสผ่านเป็นใบเบิก ทาง

บริษัท Errata Security ที่ทำงานวิจัยชิ้นนี้แนะนำว่า รหัสผ่านที่ดีควรยาวเกิน 8 ตัวอักษร และมีทั้งตัวหนังสือ ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน

อ้อ! แล้วก็อย่าตั้งให้ยากเกินจนจำไม่ได้ เลยต้องติดรหัสผ่านเอาไว้ข้างๆ มอนิเตอร์ด้วยโพสต์อิต .. เพราะนั่นยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ครับ

http://www.arip.co.th/articles.php?id=407315

การจมและการลอย

ปลาวาฬสีน้ำเงินเป็นสัตว์ใหญ่ที่สุึดในโลกปัจุบันหากมันกลายเป็นสัตว์บกและมีขา ขาของมันจะต้องหักหมดเพราะรับน้ำหนักตัวไม่ไหว แต่มันสามารถเติบโตในทะเลได้และมีชีวิตอยู่ในทะเลได้เพราะน้ำช่วยพยุงรับน้ำหนักมหาศาลของมันไว้
ลองจับลูกปิงปองไว้ใต้น้ำแล้วปล่อย ทำไมมันจึงลอยลิ่วขึ้นสู่ผิวน้ำ ? เพราะมันเบากว่าน้ำที่อยู่รอบตัว น้ำช่วยรองรับน่ำหนักอันน้อยนิดของมันไว้

เหตุการณ์กับตัวเลข 1

  • 40 ปี แล้ว ที่มนุษย์เหยียบดวงจันทร์ครั้งแรก
  • นีล อาร์มสตรอง ไปดวงจันทร์ด้วยยานอพอลโล 11
  • Buzz Aldrin เป็นมนุษย์ที่เหยียบดวงจันทร์คนที่ 2
  • กีฬาบาสเกตบอลเกิดขึ้นในปี 1891 โดย James Naismith
  • การสักร่างกาย (Tattoos) เกิดขึ้นเมื่อกว่า 5,000 ปีมาแล้ว
เดี๋ยวถ้าได้ความรู้มายังไงก็จะเอามาโพสอีกนะครับ

ดูเหตุการณ์กับตัวเลขอันอื่น