Custom Search

windows 7 คืออะไร ต่อ

จุดเด่น
-ของเล่นใหม่น่าตื่นเต้น
-ติดตั้งง่าย
-เสถียรดีเหมือนเป็น SP1 แล้ว
-น่าใช้งานกว่า Windows Vista เดิมมาก
-ใช้เวลาในการ Boot เร็วกว่าเดิม
จุดด้อย
-Driver อาจจะยังไม่รองรับกับอุปกรณ์
-ใช้แรมเยอะไม่แพ้ Vista
-ถ้าขายแพงอีกมีดับ เพราะยังเหมือนไม่เปลี่ยนมากจนเห็นชัดนัก"





ดูเริ่มต้นใหม่

มาแล้ว Window 7 คืออะไรครับ

"มาแล้ว Window 7 คืออะไรครับ

เป็นวินโดวส์ตัวใหม่ครับ เปลี่ยนชื่อจาก windows veinna
ไมโครซอฟท์มีแผนการที่จะออกวินโดวส์เวอร์ชั่นต่อจาก Vista โดยมีชื่อรหัสว่า Windows 7

โดย Windows 7 จะเป็น Windows เวอร์ชั่นต่อไปของไมโครซอฟท์ ซึ่งในขณะนี้ทางไมโครซอฟท์ได้ให้รายละเอียดบางอย่างก ับพันธมิตร และคู่ค้าแล้ว ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีนะครับว่า Windows Vista นั้นเป็น Windows เวอร์ชั่นที่ทิ้งช่วงการออกมากว่า 5 ปี และเช่นเดียวกับ Vista ในส่วนของ Windows 7 นั้นจะมีเวอร์ชั่น 32 และ 64 บิต และมีทั้งเวอร์ชั่นสำหรับคอนซูมเมอร์ และธุรกิจ

Windows 7 นั้นเราทราบกันดีว่ามาจากรหัสพัฒนาเดิมว่า Vienna ซึ่งทางไมโครซอฟท์ได้เปลี่ยนไปใช้รหัส 7 ในการเรียกชื่อแทน สำหรับวินโดวส์เวอร์ชั่นต่อไปของตนเอง รายละเอียดนั้นยังคงไม่ทราบแน่นอน และยังไม่มีเล็ดรอดออกมามากนัก ไมโครซอฟท์เผยว่าจะประกาศออกมาให้เราได้ทราบกันในไม่ นานนี้แน่นอน
สำหรับระยะเวลาในการพัฒนานั้นไมโครซอฟท์คาดว่าจะใช้เ วลา 3 ปี ต่อจากนี้ ตามคำกล่าวของโฆษก"



ดูต่อ

สาสน์จาก ท่าน Dalai Lama

"สาสน์จาก ท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้สำหรับปี 2009นี้

คุณใช้เวลาในการอ่านและคิดตาม เพียง 2-3 นาทีเท่านั้น

โปรดอย่าเก็บคำสอนนี้ไว้คนเดียว มิเช่นนั้นมนตราที่ส่งมานี้จะจากคุณไปภายใน 96 ชั่วโมง

แล้ว … คุณจะได้พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์ที่คุณจะยินดีมาก

ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต

1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอันมหาศาลดุจกัน

2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน

3. จงปฏิบัติตาม 3 Rs

3.1 เคารพตนเอง ( Respect for self )

3.2 เคารพผู้อื่น ( Respect for others )

3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน ( Responsibility for all your actions )

4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์

5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม

6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ

7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข

8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน

9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป

10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง

12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรัก ให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน อย่าขุดคุ้ยเรื่องในอดีต

14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ

15. จงสุภาพกับโลกใบนี้

16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง

17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่

18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ

19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง

9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์

9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์:
"“ 9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์ “
โดย วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด
ผู้หญิงสมัยนี้ อยากสวย ฉลาด และสุขภาพดี ทุกคนจึงพากันดูแลรูปร่าง ด้วยการออกกำลังกาย เคร่งครัดเรื่องอา หารการกิน แต่ไม่เคยมีใครสนใจว่าจะดูแลสมองอย่างไรให้มีสุขภาพดี ทั้งที่สมองเป็นอวัยวะที่ตัดสินใจทุกเรื่องของชีวิต เราจึงควรเอกเซอร์ไซส์สมองให้ไบรท์ด้วยเทคนิคง่าย ๆ ต่อไปนี้

1. จิบน้ำบ่อย ๆ
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
2. กินไขมันดี
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
4. ใส่ความตั้งใจ
การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ
6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์
7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน
ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง
8. เขียนบันทึก Graceful Journal
ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
9. ฝึกหายใจลึก ๆ
สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %
การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม"

สารบัญ เหตุการณ์กับตัวเลข

เหตุการณ์กับตัวเลข 1
เหตุการณ์กับตัวเลข 2

เหตุการณ์กับตัวเลข 2

  • Facebook มีผู้ใช้กว่า 250 ล้านคน
  • สุริยุปราคาครั้งต่อไปเกิดวันที่ 15 มกราคม 2553
  • แว่นตาเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1290 โดยนักประดิษฐ์ชาวอิตาลี
  • ปีนี้ MSN ครบรอบ 10 ปีแล้ว (2552)
  • ปี 2516 นักบินอวกาศอาบน้ำในอวกาศครั้งแรก
ดูเหตุการณ์กับตัวเลขอันอื่น

Image Twist เกมหาความสัมพันธ์ของรูปภาพ เฉลย

Image Twist


1. ?? Image Twist?? Image Twist

ข้อ 1 รูปภาพหมุนตามเข็ม 1 รอบ

2. ?? Image Twist?? Image Twist

ข้อ 3 รูปภาพกลับด้านกัน

3. ?? Image Twist?? Image Twist

ข้อ 2 รูปภาพหมุนทวนเข็ม 1 รอบ

4. ?? Image Twist?? Image Twist

ข้อ 3 รูปภาพหมุนตามเข็ม 2 รอบ

5. ?? Image Twist?? Image Twist

ข้อ 4 รูปภาพหมุนตามเข็ม 1 รอบ แล้วกลับด้านกัน


กลับไปดูคำถามใหม่

Image Twist เกมหาความสัมพันธ์ของรูปภาพ

รูปภาพด้านล่างนี้ ในแต่ละข้อนั้น 2 ภาพแรกเป็นภาพที่มีความสัมพันธ์กัน ซึ่งคุณจะต้องเป็นผู้หาความสัมพันธ์นั้นเองแล้วใช้ความสัมพันธ์ที่หาได้จาก 2 ภาพแรกนั้น มาหาภาพของคู่ถัดไป ซึ่งจะใช้ความสัมพันธ์เดียวกัน นี่ก็เป็นเกมวัดไอคิวอีกแบบหนึ่งลองเล่นดูครับ ก่อนดูเฉลยนะครับ

1.


1

2

3

4

5

2.


1

2

3

4

5

3.


1

2

3

4

5

4.


1

2

3

4

5

5.


1

2

3

4

5


Genie Game เกมทายตัวเลขกับเพื่อน ๆ

Genie Game

อันนี้เป็นเกมทายตัวเลขนะครับ เอาไว้เล่นกับเพื่อน ๆ ได้
วิธีการ คือ ให้เพื่อนนึกตัวเลขไว้ในใจตั้งแต่ 1 - 63 เลขใดก็ได้ แล้วให้ดูตารางตัวเลขข้างล่างนี้ หรือ (จะ พิมพ์ออกมาเป็นกระดาษแล้วก็ตัดเป็นแผ่นก็ได้ครับ) แต่ตัวเลขที่นึกไว้ห้ามบอกเรานะ เพราะเราจะเป็นคนทายตัวเลขที่เพื่อนนึกไว้เอง ให้เพื่อนบอกเราว่าตัวเลขที่เขานึกไว้ตอนแรกนั้นมีอยู่ในตารางใดบ้างดูให้ครบทุกตารางนะครับ พอเพื่อนบอกเราเสร็จแล้ว ทีนี้เราก็รู้แล้วละครับว่าเพื่อนเรานึกเลขอะไรไว้ตอนแรก อะฮ้ารู้ได้ไง วิธีการก็ง่าย ๆ เลยครับ แค่เอาตัวเลขที่อยู่ตัวแรกของแต่ละตารางที่เพื่อนเลือกไว้มาบวกกันก็แค่นั้นเองครับ ง่ายไหมล่ะ ลองเล่นดูครับ เกมนี้ก็เป็นที่นิยมเหมือนกันครับ




13579111315
1719212325272931
3335373941434547
4951535557596163

236710111415
1819222326273031
3435383942434647
5051545558596263

456712131415
2021222328293031
3637383944454647
5253545560616263

89101112131415
2425262728293031
4041424344454647
5657585960616263

1617181920212223
2425262728293031
4849505152535455
5657585960616263

3233343536373839
4041424344454647
4849505152535455
5657585960616263

ผู้นำไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ

ผู้นำไทยคนแรก ที่ได้รับรางวัลแมกไซไซ คือนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 18 ของไทย ได้รับในสาขางานบริการภาครัฐบาล ประจำปี พ.ศ. 2540


ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

คนไทยคนแรก ที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานสมัชชาใหญ่ แห่งสหประชาชาติ คือ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2499

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์แรก ที่สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยของประเทศไทย คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยทรงจบอักษรศาสตร์บัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ 1 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปี พ.ศ. 2519


ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

มกุฎราชกุมารพระองค์แรก ที่ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก

มกุฎราชกุมารพระองค์แรก ที่ทรงเข้าศึกษาในโรงเรียนเสนาธิการทหารบก คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร


ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ผู้ที่คิดฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย

ผู้ที่คิดฝนเทียม หรือ ฝนหลวง ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช โดยได้ทรงค้นคิดและวิจัยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 และทรงถ่ายทอดแนวพระราชดำริ และผลการวิจัยแก่ ม.ร.ว.เทพฤทธิ์ เทวกุล วิศวกรผู้เชี่ยวชาญทางการเกษตร จนมีการทำฝนหลวงพระราชทานครั้งแรก ในปีพ.ศ. 2512


ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ผู้ประพันธ์เพลงชาติไทยในปัจจุบัน

ผู้ประพันธ์เพลงชาติไทยในปัจจุบัน คือ พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยากร) เป็นผู้แต่งทำนอง และหลวงสารานุประพันธ์ (นวล ปาจิณพยัคฆ์) เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง เมื่อ พ.ศ. 2483


ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ยศสูงสุดของทหารไทย

ยศสูงสุดของทหารไทย คือ ยศจอมพล แต่ปัจจุบันไม่มีการแต่งตั้งแล้ว ยศสูงสุดทางทหารในปัจจุบันคือ “พลเอก” ผู้ที่เป็นจอมพลคนแรกของไทยคือ จอมพล สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภานุพันธุวงศ์วรเดช ทรงเป็นต้นสกุล “ภาณุพันธุ์” ส่วนจอมพลคนแรกในระบอบประชาธิปไตย คือ จอมพลป. พิบูลสงคราม และคนสุดท้าย ที่ดำรงตำแหน่งจอมพลในระบอบประชาธิปไตยคือ จอมพลประภาส จารุเสถียร เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2516 (สำหรับพระมหากษัตริย์ จะทรงดำรงตำแหน่ง “จอมทัพไทย”)


ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีคนแรกของประเทศไทย คือ พระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) เข้าดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2475 - 20 มิถุนายน พ.ศ.2476 ส่วนนายกรัฐมนตรีคนแรก ที่ถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่งคือ นายควง อภัยวงศ์ หลังจากที่เข้าดำรงตำแหน่งได้ประมาณ 1 เดือนเศษ ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2491 ได้ถูกคณะนายทหารเข้าพบ เพื่อขอร้องแกมบังคับ ให้ลาออกจากตำแหน่ง ทั้งนี้เพื่อเปิดทางให้กับจอมพลป. พิบูลสงคราม กลับเข้าเป็นนายกรัฐมนตรี สมัยที่ 3


ผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก

ผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยเครื่องแรก คือ มิสเตอร์เอ็ดวิน แมกพาแลนด์ ยี่ห้อเรมิงตัน


ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ประเทศไทยเริ่มนับเวลา ตามแบบสากลครั้งแรก

ประเทศไทยเริ่มนับเวลา ตามแบบสากลครั้งแรกในสมัย รัชกาลที่ 6 โดยแต่เดิมเรานับเวลาตอนกลางวันเป็น “โมง” และตอนกลางคืนเป็น “ทุ่ม” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงให้เปลี่ยนมาเรียกว่า “นาฬิกา” (เขียนย่อว่า “น.”) และให้นับเวลาทางราชการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมเนียมสากลนิยม โดยให้ถือว่าเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นเวลาเปลี่ยนวันใหม่ และให้ถือเวลาที่ตำบลกรีนิช ประเทศอังกฤษเป็นมาตรฐาน ซึ่งเวลาในประเทศไทย เป็นเวลาก่อนหรือเร็วกว่าเวลาที่กรีนิช 7 ชม. เช่น ไทยเป็นเวลา 19.00 น. ทางกรีนิชเท่ากับ 12.00 น. เป็นต้น

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ผู้ที่ให้กำเนิดรถแท็กซี่ขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก

ผู้ที่ให้กำเนิดรถแท็กซี่ขึ้นในประเทศไทยครั้งแรก คือ พลโท พระยาเทพหัสดิน (ผาด เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นรถยนต์นั่ง (รถเก๋ง) ยี่ห้อออสติน จำนวน 4 คัน เปิดบริการรับจ้างครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2466 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ในสมัยนั้นเรียกว่า “รถไมล์”

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

นามสกุลหมายเลข 1 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงคิดพระราชทาน

นามสกุลหมายเลข 1 ที่รัชกาลที่ 6 ทรงคิดพระราชทาน คือ นามสกุล “สุขุม” พระราชทานเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ.2456 ต้นสกุลคือ เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม)


พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ทรงผ่านการศึกษาจากต่างประเทศ

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่ทรงผ่านการศึกษาจากต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ ตั้งแต่เมื่อครั้งทรงยังดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เมื่อปี พ.ศ. 2436 - 2445 รวมระยะเวลา 9 ปี

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

คนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน

คนไทยคนแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน คือ พระบรมวงศ์เธอ กรมพระยากำแพงเพ็ชรอัครโยธิน โดยประทับเครื่องบินออร์วิลไรท์ คู่กับกัปตัน มร.เวนเดนเปอร์น ซึ่งขับวนเวียนเหนือสนามราชกรีฑาสโมสร เป็นเวลา 3 นาที 45 วินาที เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2453 เป็นเครื่องบินที่บริษัทฝรั่งเศสนำมาแสดง ณ ราชกรีฑาสโมสร(สนามม้านางเลิ้ง) ซึ่งถือว่าเป็นสนามบินแห่งแรก ที่ใช้ในการบินของเมืองไทยด้วย

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ผู้ที่คิดออกลอตเตอรี่เป็นคนแรกในเมืองไทย

ผู้ที่คิดออกลอตเตอรี่เป็นคนแรกในเมืองไทย คือ มิสเตอร์เฮนรี่ อาลบาสเตอร์ (ต้นตระกูล “เศวตศิลา”) ชนชาติอังกฤษ เป็นผู้นำลักษณะการออกรางวัลสลากแบบยุโรปมาเผยแพร่เป็นคนแรก โดยเรียกว่า “ลอตเตอรี่” โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กรมทหารมหาดเล็กออกลอตเตอรี่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๑๗ เนื่องในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา


ธนบัตรหรือเงินกระดาษของไทย

ธนบัตรหรือเงินกระดาษของไทย ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ผลิตขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 พิมพ์ออกใช้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2445 โดยก่อนหน้านั้น ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการผลิตธนบัตร หรือเงินกระดาษออกใช้เป็นครั้งแรก ในเมืองไทยแล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2396 แต่เรียกว่า “หมาย” ทำด้วยกระดาษปอนด์สีขาวรูปสี่เหลี่ยม พิมพ์ลวดลายด้วยหมึกทั้งสองด้าน และประทับตรา พระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน ตราจักร และพระราชลัญจกรประจำรัชกาลสีแดงชาด (ลัญจกร อ่านว่า ลัน-จะ-กอน แปลว่า ตราสำหรับใช้ตีหรือประทับ ราชาศัพท์ใช้คำว่า พระราชลัญจกร)

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ผู้ที่ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระบารมี

ผู้ที่ประพันธ์เพลงสรรเสริญพระบารมี คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ โดยมีนายปโยตร์ ซูโรฟสกี้ (Pyotr Shchurovsky) ชาวรัสเซีย แต่งทำนองเพลงขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปี พ.ศ. 2431

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จประพาสต่างประเทศ

พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรก ที่เสด็จประพาสต่างประเทศคือ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยเสด็จประพาสสิงคโปร์เป็นแห่งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2413 และเสด็จชวาด้วย


น้ำแข็งเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก

น้ำแข็งเข้ามาเมืองไทยครั้งแรก ในสมัยรัชกาลที่ 4 ประมาณ พ.ศ. 2410 สันนิษฐานว่า ผลิตที่สิงคโปร์แล้วส่งมาถวาย โดยใส่หีบกลบขี้เลื่อย คนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น ไม่เชื่อว่าจะทำน้ำแข็งได้จริง ถึงกับออกปากว่า “จะปั้นน้ำเป็นตัวได้อย่างไร”

ดูเรื่องอื่นเกี่ยวกับเมืองไทย

ถนนสายแรกในเมืองไทย

ถนนสายแรกในเมืองไทย คือ ถนนเจริญกรุง (New Road) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2404 โดยต่อมาได้มีการตัดถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร รวมทั้งถนนพระราม 4 และถนนสีลมในเขตชานพระนคร